ทำไมการแสดงความรัก ร.9 ในทุกวันนี้กลายเป็นความผิด?

ทำไมการที่คิ้มเปรียบเปรย “เหมือนตั้งโต๊ะไหว้เจ้าแล้วมีคนเดินมาถีบโต๊ะล่มแล้วมาถ่มถุยใส่บ้านเรา” นั้นจึงเป็นตรรกะแบบคิดเองเออเอง ในความเป็นจริง “โต๊ะไหว้เจ้าและเครื่องสังเวย” โต๊ะหลักมันไม่ใช่โต๊ะที่หน้าบ้านคิ้ม แต่โต๊ะใหญ่สุดมันอยู่ที่กลางหมู่บ้าน และเงินที่เอาไปซื้อมาจากเงินกองทุนหมู่บ้านที่มาจากเงินชาวบ้านทุกคน โดยมีคนจัดซื้อเครื่องสังเวยเป็นกรรมการหมู่บ้าน กรรมการที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกมาด้วยซ้ำ เขาเป็นคนเรี่ยรายกึ่งบังคับคนในหมู่บ้านให้หาเงินมาจัดซื้อเครื่องบูชาปีๆ นึงหลายจำนวนหลายหมื่นล้านบาท
.
พอลูกบ้านถามว่าทำไมแพงจังเอาไปซื้ออะไรมั่ง ขอดูใบเสร็จหน่อยได้ไหม ก็โดนด่ากลับว่า “จะรู้ไปทำไม ลบหลู่เหรอ? ถ้าใครไม่ชอบใจเชิญออกจากหมู่บ้านไปเลย ถ้ามาถามอีกจะจับไปขังคุก!”
.
ลูกบ้านที่รวยหน่อยอย่างคิ้มคงก็ไม่รู้สึกอะไร ลูกบ้านที่จนหน่อยต้องหวังพึ่งสวัสดิการกลางของหมู่บ้านมากหน่อย จะเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วงบพัฒนาหมู่บ้านล่ะ ทำไมมันมีน้อยจัง ปีนึงเก็บเงินไปก็ไม่ใช่น้อยๆ
.
แล้วคิ้มที่สุขใจกับการตั้งโต๊ะบูชาเทพเจ้าที่ตนรักและเคารพ ถามว่า “การแสดงความรักผิดอะไร” ตอบเลยว่า “ไม่ผิด” จะรักใครกราบใครมันเรื่องของแต่ละคน แต่ในเมื่อสิ่งที่คิ้มรัก คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดว่า “คือ…ไม่อินอ่ะ ไม่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอลดค่าเครื่องสังเวยรายปีลงได้ปะ อยากเอาเงินมาให้พัฒนาหมู่บ้านแทน ลดขนาดโต๊ะไหว้เจ้าลงหน่อยก็ได้นี่” แบบนี้มันไม่ถูกต้อง !!!
.
ตราบใดที่ลูกบ้านในหมู่บ้านเดียวกับคิ้มยังไม่สามารถพูดว่าไม่ศรัทธาเพราะอะไร คิ้มจะมาหาว่าคนอื่นระรานไม่ได้ เพราะการตั้งโต๊ะไหว้เจ้ามันไม่ใช่สิ่งที่คิ้มเลือกทำคนเดียว คนอื่นก็โดนบังคับให้กราบไหว้ ให้จัดหาเครื่องสังเวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คิ้มบูชาอย่างไม่มีทางเลือกเหมือนกัน
.
หนำซ้ำยังมาเกรี้ยวกราดใส่คนที่ไม่อินกับเทพเจ้าอีกทำนองว่า “เทพเจ้าช่วยดลบันดาลเนรมิตถนนเข้าหมู่บ้านให้ยังไม่สำนึกอีกไอ้พวก hear” (ทั้งๆ ที่มันเป็นเงินกองทุนหมู่บ้านอีกนั่นแหละ ไม่ใช่ฝีมือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก) ตบท้ายด้วยความเฟียสประมาณว่า “ใครด่ากูอีกที่ตั้งโต๊ะไหว้เจ้า กูจะทำให้มึงต้องมากราบตีนกู กูมีเงิน กูมีอำนาจ”
.
คนอื่นที่เขาไม่อยากกราบไหว้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่ไหว้และขอไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายเงินเข้ากองทุน ไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะขอดูใบเสร็จ
.
คิ้มยังไม่เห็นอีกเหรอ? ว่าการที่คิ้ม want จะตั้งโต๊ะไหว้เจ้าหน้าบ้านมันไม่ใช่แค่เรื่องของคิ้มคนเดียว
.
ถ้าคิ้มไม่อยากให้ใครมาว่าคิ้มก็ใช้เงินส่วนตัวไหว้เจ้าของคิ้มในบ้านคนเดียวหรือรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่เค้ารักและศรัทธาในเทพเจ้าคนเดียวกันของคิ้มในพื้นที่ของคิ้มเอง สมาชิกในหมู่บ้านคนไหนเค้าไม่ซื้อไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องไปบังคับเรียกเก็บ !!!
.
แต่ตราบใดที่ “ผู้ใหญ่บ้าน” ยังคงเรียกเก็บเงินแบบนี้ทุกปี ๆ ชาวบ้านในฐานะคนเสียค่านิติก็ต้องตั้งคำถามได้ว่าเงินที่เอาไปใช้จะเอาไปทำอะไร ? คุ้มค่า ? โปร่งใส ? เพราะเงินที่ผู้ใหญ่บ้านเอาไปใช้นั้นมาจากหยาดเหงื่อน้ำพักน้ำแรงของคนในหมู่บ้าน ไม่ได้ปลุกเสกกันขึ้นมาเอง !

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *