มหากษัตริย์ “นักปฏิวัติ” | Bhumibol: The Coup d’état King | ตอนที่ 1
.
ข้อความจากโทรเลขของเอกอัครราชทูตอังกฤษ ณ กรุงเทพฯ ถึงกระทรวงการต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน ลงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500 หรือ 5 วันหลังจากรัฐประหารล้มรัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงคราม โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์และพรรคพวก ชวนให้คิดถึงบทบาทของรัชกาลที่ 9 ในเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้
Richard Whittington เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยในเวลานั้น รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่าทีของกษัตริย์ภูมิพล หลังจากได้รับฟังคำบอกเล่าจากผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ และจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครือข่ายทูต โดยโทรเลขฉบับนี้ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ Kew Gardens กรุงลอนดอน หมายเลขเอกสาร FO371/129612
.
ในโทรเลข พบข้อความที่น่าสนใจ ดังนี้
.
“Pote [Sarasin] begged me to believe that the King had been consulted at every step since the original coup and that His Majesty’s agreement had been obtained without duress. He believed that the greatest preoccupation of Sarit and his followers at the present time was to ensure that the forthcoming elections would be clean and legal: Pote himself would make it his first aim to see that they were.”
.
“นายพจน์ สารสิน ขอร้องให้ข้าพเจ้า (ทูตอังกฤษ) เชื่อว่าในหลวง (ร.9) ได้รับการให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอนตั้งแต่เกิดรัฐประหาร และการยินยอมของในหลวงนั้นปราศจากการข่มขู่บังคับ ในหลวงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป้าประสงค์หลักของสฤษดิ์และพรรคพวก ณ เวลานี้คือการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้าให้เป็นไปอย่างใสสะอาดและชอบด้วยกฎหมาย นายพจน์เองมีความตั้งใจในลำดับแรกว่าจะทำสิ่งนี้ให้เป็นไปอย่างที่ว่าไว้”
.
“My United States colleague now tells me that he also saw the King yesterday … and confirmed that His Majesty acquiesced voluntarily in the steps taken by Sarit and followers. Prince Dhani … has assured me personally that the coup is ‘just what the Royalists wanted.’”
“เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าฝั่งสหรัฐฯ (ทูตสหรัฐฯ) เพิ่งบอกกับข้าพเจ้าว่าเขาเดินทางไปเข้าเฝ้าในหลวงเมื่อวานนี้ และยืนยันข้อเท็จจริงอีกเสียงว่าในหลวงยอมรับโดยสมัครใจต่อแผนการทุกขั้นตอนของสฤษดิ์และพรรคพวก พระองค์เจ้าธานีนิวัต…ยังอ้างกับข้าพเจ้าเป็นการส่วนตัวว่ารัฐประหารนี้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มสนับสนุนเจ้า”
“Choice of Nai Pote as leader of the provisional government is evidence of the present desire to please the West…Sarit appears to be in unchallenged and full command of the situation.”
.
“การเลือกนายพจน์ สารสิน เป็นนายกในรัฐบาลชั่วคราวเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นความต้องการจะเอาใจตะวันตก ณ ขณะนี้ … (อย่างไรก็ดี) สฤษดิ์เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดทั้งหมด”
เป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งซึ่งจัดการโดยรัฐบาลของนายพจน์ สารสินในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 (นับเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง) ไม่ได้นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งสถานการณ์แวดล้อมในช่วงเวลาทั้งก่อนและหลังการเลือกยังตั้งเต็มไปด้วยข้อกังขา ต่างจากความเชื่อของรัชกาลที่ 9 และคำให้การของนายพจน์ตามที่เห็นในโทรเลขโดยสิ้นเชิง
การเลือกตั้งในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 มีผู้มาใช้สิทธิคิดเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 30 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด โดยพรรคสหภูมิที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดก่อตั้งขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งเพียง 6 เดือนและได้รับการสนับสนุนเบื้องหลังจากจอมพลสฤษดิ์ พรรคสหภูมิได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแม้จะมีส.ส.ได้รับเลือกตั้งเพียง 44 ที่นั่ง (จาก 160 ที่) ไม่กี่วันต่อมาเกิดการยุบพรรคสหภูมิรวมกับพรรคเสรีมนังคศิลาเพื่อตั้งพรรคชาติสังคมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีจอมพลสฤษดิ์เป็นหัวหน้าพรรคและพลโทถนอม กิตติขจร (ยศ ณ ขณะนั้น) เป็นนายกรัฐมนตรี
.
รัฐบาลที่นำโดยพรรคชาติสังคมนี้อยู่ในอำนาจได้ไม่ถึงปี จอมพลสฤษดิ์ก็ก่อการรัฐประหารขึ้นอีกรอบในวันที่ 20 ตุลาคม 2501 หลังจากนั้นประเทศไทยก็ไม่ได้มีการเลือกตั้งอีกเลยจนถึงปี พ.ศ. 2512 เหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงปี พ.ศ. 2500-2501 นี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พาประเทศไทยถอยหลังกลับสู่โลกของเผด็จการอันมาพร้อมกับความมั่นคงยิ่งขึ้นของพระราชวงศ์และฝ่ายสนับสนุนเจ้าในเวลาต่อมา
ติดตามอ่านได้ที่
https://www.facebook.com/THAIDAUK/posts/417440183197725