? เร็วๆ นี้ ดารา นักร้องไทย อย่าง เจนนิเฟอร์ คิ้ม และหลายๆ คน พาเหรดออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และต่างก็โดนทัวร์ลงกันถ้วนหน้า ล่าสุดทัวร์ก็เริ่มเคลื่อนขบวนไปที่ บี พีรพัฒน์ กับการออกมาให้ความเห็นว่า “ถ้าไม่ใช่สามกีบต้องเป็นสลิ่ม หรือ ถ้าไม่ใช่สลิ่มคือสามกีบ โลกมีความหลากหลายมากมาย ฝาแฝดยังคิดไม่เหมือนกันเลย” อันดับแรกนะคะ คุณบี คำว่าสลิ่มคือเรื่องของสันดาน และทัศนคติค่ะ แต่ยังเป็นคำที่พูดถึงคน ส่วนสามกีบ มันคือคำที่ลดทอนคุณค่าความเป็นคน (Dehumanization) ถ้าคุณหรือใครๆ ที่ไม่เอาประชาธิปไตย หรือปากบอกเอาประชาธิปไตยแต่ใจใฝ่เผด็จการหรือชื่นชมสนับสนุนเจ้านายของเผด็จการ นั่นคือคุณไม่เอาประชาธิปไตยไงคะ และนั่นล่ะ คือสลิ่ม ส่วนเรื่องความหลากหลายทางความคิด ฝาแฝดยังคิดไม่เหมือนกันเลย จริงๆ คุณบีไม่จำเป็นต้องยกเหตุผลแบบพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แบบนี้มาพูดก็ได้นะคะ เพราะพูดไงก็ถูก แต่มันผิดบริบท ในโลกประชาธิปไตยเท่านั้นที่อนุญาตให้คุณบี และเพื่อนร่วมชาติมีความหลากหลายทางความคิดได้ โลกเผด็จการจะบังคับให้คิดแบบเดียว หรือให้รักคนๆ เดียว เพราะถ้าไม่คิด และไม่รักแบบที่สั่งเมื่อไร อาจจบชีวิตในคุก สิ้นลมหายใจในถุงดำ หรือโดนคว้านท้องใส่อิฐปูนแล้วโยนทิ้งน้ำ หากคุณบีจะถามว่า ต้องบังคับให้เลือกรึไง ถ้าคุณบีปากบอกเอาประชาธิปไตย คุณบีไม่ควรสนับสนุนเผด็จการ รวมถึงนายเบื้องหลังเผด็จการด้วย นั่นหมายความว่าคุณบีจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่สลิ่ม คุณบีเป็นกลางระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยไม่ได้ เพราะเมื่อคุณพูดว่าเป็นกลาง หรือไม่เลือก คือคุณได้เลือกแล้ว คุณเลือกเผด็จการ!
? คุณบียังอ้างต่อว่า “การรังเกียจคนอื่น เพราะความเห็นที่แตกต่าง เคยมีตัวอย่างจากสมัยฮิตเลอร์โน้มน้าวให้คนเกลียดยิว เดินผ่านคือถุยน้ำลายใส่หน้า สุดท้ายฆ่ายิวไปสองล้านคน เราจะเอาแบบนั่นใช่มั้ย ส่วนตัวไม่เกลียดคนเห็นต่างทางการเมือง แต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่คอยปั่นหัวให้คนเกลียดกันละก็ หึหึ” อ่านจบดิฉันไม่แปลกใจที่ไทยเคยมีขบวนพาเหรดกีฬาสี และ music video ที่มาในธีมฮิตเลอร์ และสัญลักษณ์สวัสดิกะ คุณบีทราบมั้ยคะว่าประเทศไทยเคยมีกระบวนการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์คล้ายที่นาซีทำ เหตุการณ์ตุลา 2519 รัฐไทยและองคาภยพ ทั้งสื่ออย่างดาวสยามและพระบางรูปที่พร้อมทำให้นักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยมีสภาพเหมือนปีศาจ ต่ำต้อยกว่าสัตว์ พระสมัยนั้นยังพูดเลยว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป จนทำให้เหล่าโครตพ่อโครตแม่สลิ่มสมัยนั้น รุมฆ่านักศึกษา จนกลายเป็นการสังหารหมู่ที่โหดร้ายที่สุดกลางใจเมือง แม้ตายแล้วก็เอาศพมาแขวนคอใต้ต้นไม้ เอาเก้าอี้ตีศพ และเหล่าโครตพ่อโครตแม่สลิ่มเหล่านั้นก็ล้อมวง หัวเราะ ยิ้ม จนฉันรู้สึกว่าภาพนั้นแหละคือสยามเมืองยิ้มที่แท้ทรู
? ตุลา 19 คุณบีเพิ่ง 4 ขวบ อาจยังไม่รู้ความ เอาเหตุการณ์ไม่นานนี้ พฤษภา 2553 วันสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ก่อนเหตุการณ์นั้น สลิ่มกรุงเทพ สื่อต่างๆ ดารา คนดัง พร้อมกันด้อยค่าคนเสื้อแดง ทำให้คนเสื้อแดงดูเป็นคนชั่ว เป็นผู้ร้าย เป็นคนนอก เป็นคนที่สมควรโดนปราบปราม ทั้งๆ ที่พวกเขาต้องการแค่ให้รัฐบาลยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตยภายในค่ายทหาร สิ่งที่คนเสื้อแดงเจอคือ โดนปราบด้วยกระสุนจริง มีคนตายกว่า 90 ศพกลางเมืองกรุง อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ข่าวต่างประเทศว่า “Unfortunately some people die” แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของสลิ่มคือ เผาบ้านเผาเมือง ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินออกมาแล้วว่าไม่ใช่คนเสื้อแดงที่เผา และสิ่งที่เลวร้าย น่ารังเกียจที่สุดคือการที่สลิ่ม กทม มาร่วมทำ big cleaning day ในประเทศปกติ ที่มีคนปกติอยู่ สิ่งแรกที่เขาทำคือ เขาจะออกมาแสดงความเสียใจกับโศกนาฎกรรมที่เพื่อนร่วมชาติตายค่ะ ไม่ใช่ออกมาเก็บกวาดบ้านเป็นอันดับแรก
? คุณบีทราบมั้ยคะว่า ดาราที่ด้อยค่าคนเสื้อแดงในวันนั้น ก็คือดาราคนเดียวกับที่ร่วมม็อป กปปส เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เพื่อเรียกเผด็จการมาปล้นอำนาจประชาชน และก็เป็นดารากลุ่มเดียวกัน ที่ในวันนี้ ยังมาถามหาความเป็นกลาง ความเป็นไม่เป็นสามกีบต้องเป็นสลิ่มหรอ ความยอมรับความเห็นต่าง ความตั้งโต๊ะไหว้เจ้าแล้วเกี่ยวกับใคร ความจะรักใครก็เรื่องของฉันมาเสือกอะไร คุณบีลองใช้สมองที่น่าจะมีมากกว่านายกคนปัจจุบันนะคะ ว่าใครคือฮิตเลอร์และใครคือยิว ในบริบทเมืองไทย
? ส่วนเรื่องที่คุณบีจะไม่ทนกับนักการเมืองปั่นหัวประชาชน คุณบีคะ ประชาชนที่ไม่เป็นสลิ่มนี่แหละที่คอยปั่นหัวนักการเมือง คนที่ปั่นหัวประชาชนสลิ่มให้เกลียดเพื่อนร่วมชาติคือ IO จากรัฐบาล รบกวนคุณบีเปิดทีวีดูอภิปรายไม่ไว้วางใจนะคะ แล้วคุณบีอาจจะตกใจว่า ตัวเองอาจกำลังตกเป็นเหยื่อ IO